Marketplace ทำกำไรให้ Amazon

ทราบหรือไม่ว่าในบรรดาสินค้าทั้งหลายที่เราสั่งซื้อจากเว็บไซต์ Amazon นั้น กว่าครึ่งไม่ได้มาจาก Amazon โดยตรง หรือพูดได้ว่าสินค้าที่มีการสั่งซื้อจาก Amazon กว่า 47% ที่จัดส่งไปยังลูกค้านั้นมาจากผู้ขายรายย่อย ( Marketplace ) คิดเป็นจำนวนก็มากกว่าหนึ่งพันล้านชิ้นและยอดขายในส่วนนี้เองที่สร้างผลกำไรให้กับ Amazon มากกว่าสินค้าที่ส่งตรงจากคลังสินค้าของ Amazon เสียอีก

ณ ชั่วโมงนี้จะหาบริษัทไหนในโลกมาเทียบเคียงกับการมีสินค้าให้เลือกหลากหลาย มีการแข่งขันราคาให้ผู้ซื้อได้เลือกตามความพอใจแถมยังมีจำนวนผู้ขายรายย่อยมากหน้าหลายตาอย่างที่มีใน Amazon คงจะหาไม่ได้

เอ่อ…. แล้วทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ เหตุผล ?

ตัวเลขผู้ขายรายย่อยกับ Amazon ปัจจุบันมีอยู่ราวๆ 2 ล้านราย ในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคุณแม่และนักธุรกิจหน้าใหม่ที่ขายของอยู่กับบ้านหรือใช้บ้านเป็นที่ทำงาน แต่อย่างไรก็ตามตัวเลขของกลุ่มบริษัทก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน มีผู้ขายจำนวนมากที่ทำเงินได้หลายล้านเหรียญฯ จากการลงขายสินค้ากับ Amazon มีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกวัน

Amazon FBA

ผมสังเกตเห็นว่าผู้ขายรายย่อยเลือกที่จะใช้ Amazon’s FBA (Fulfillment by Amazon) ซึ่งเป็นบริการที่ข่วยเพิ่มยอดขาย แม้แต่ผู้ขายที่มียอดขายจำนวนมากก็ยังใช้เลือกใช้วิธีการจัดส่งแบบนี้ ความจริงก็คือผู้ขายรายย่อยเกือบทั้ง 100% ก็ว่าได้ที่ใช้เลือกใช้ Amazon’s FBA (Fulfillment by Amazon)

เพราะว่า

  • ทำให้สินค้าของตนสามารถจัดส่งภายในวันเดียวหรือว่า Prime and Super Saver Shipping

  • ได้อาศัยประโยชน์จากระบบการจัดการและจัดส่งระดับโลกของทาง Amazon และสร้างประสบการณ์ในการใช้บริการที่ดีกับลูกค้า

  • ช่วยให้ผู้ขายได้ส่วนแบ่ง % จากยอดขายสูงกว่าผู้ขายอื่นที่ไม่ใช้ระบบจัดส่งของ Amazon

สำหรับโปรแกรม FBA นี้มีลักษณะเฉพาะตัวเมื่อเทียบกันกับของเว็บไซต์อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น eBay , Wal-Mart หรือว่า Best Buy เป็นต้น ที่ให้ผู้ขายรายย่อยเป็นคนจัดส่งสินค้าด้วยตนเอง ซึ่งทำให้ตลาดผู้ขายรายย่อยในเว็บไซต์อื่น ๆเหล่านี้เติบโตได้ช้า

ตามรายงานจาก Amazon การใช้ FBA ช่วยให้ผู้ขายกังวลในเรื่องพื้นฐานเพียงแค่การจัดส่งสินค้าไปยังคลังสินค้าของ Amazon และการควบคุมต้นทุน ไม่ต้องมาห่วงเรื่องการติดต่อลูกค้า การส่งคืนสินค้าหรือการจัดส่งอะไรอีก เป็นต้น นี่คือสิ่งที่เป็นประโยชน์กับผู้ขายพวกเขาสามารถเสนอราคาที่แข่งขันได้เนื่องจากสามารถใช้ประโยชน์ได้จากเครือข่ายการจัดส่งสินค้าต้นทุนต่ำของ Amazon นั่นเอง

{ Herothailand.com รับสั่งหนังสือและสินค้าจากต่างประเทศ Amazon eBay และเว็บไซต์อื่น ๆ}

แล้ว Amazon ได้ประโยชน์จากผู้ขายรายย่อยเหล่านี้ตรงไหน ?

Amazon รู้ดีว่ากำไรจำนวนมากมาจากตลาดส่วนนี้ ยิ่งมีผู้ขายจำนวนมากขึ้นเท่าไหร่รายได้ก็เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น

เพิ่มตัวเลือกสินค้า

การที่มีผู้ขายรายย่อยจำนวนมากนั้นทำให้มีรายการสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลโดยตรงทำให้ผู้ซื้อสามารถเลือกสินค้าได้อย่างหลากหลาย

มีการแข่งขันด้านราคา
ทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคาค่อนข้างสูงจนกระทั่งราคาลดลงมาถึงระดับที่ดึงดูดใจผู้ซื้อ

การมีคลังสินค้าของตนเอง
Amazon ลดความเสี่ยงเรื่องสินค้าคงคลังของสินค้าที่มีขายในเว็บไซต์

ลดต้นทุนการจัดหาและจัดส่งสินค้า
การมีผู้ขายรายย่อยเพิ่มขึ้นช่วยเพิ่มปริมาณการรับ-ส่ง สินค้าทำให้ต้นทุนต่อหน่วยต่ำ

ในแต่ละปีมีผู้ขายหน้าใหม่เพิ่มขึ้นหลายหมื่นคนทำให้เกิดการแข่งขันราคาค่อนข้างรุนแรง ถึงขั้นลดราคาแข่งกันในระดับสตางค์เลยทีเดียว ผู้ขายที่ตั้งราคาถูกที่สุดจึงมักเป็นผู้ชนะ

ในขณะที่ผู้ขายต่างก็แข่งขันราคากันอย่างดุเดือดเลือดพล่าน คนที่ได้ประโยชน์ก็คือผู้ซื้อและทำให้ Amazon กลายเป็นแหล่งที่ดึงดูดความสนใจจากผู้ซื้อจากทั่วโลกนั่นเอง โดย Amazon ได้ลงทุนในเรื่องคลังสินค้า การให้บริการลูกค้า และในส่วนของพื้นที่ขายสินค้าของผู้ขายรายย่อยนั้นนอกจากตลาดในอเมริกาแล้วยังมีในแคนาดา ยุโรป ญี่ปุ่น อินเดียและจีน อีกด้วย

…. ….. …….

ตลาดผู้ขายรายย่อย ( Marketplace ) ทำกำไรได้สูงสุด

สำหรับสินค้าส่วนใหญ่ที่ทำกำไรให้ Amazon มาจากการขายสินค้าของผู้ขายรายย่อย

  • Amazon คิดค่าธรรมเนียมจากการขายสำหรับสินค้าส่วนใหญ่นอกเหนือจากกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ 14%-40%

  • Amazon คิดค่าธรรมเนียมการจัดส่งสินค้าผ่านระบบจัดส่งสินค้าของตนต่อคำสั่งซื้อ ต่อจำนวนและต่อน้ำหนักพัสดุ ซึ่งค่าธรรมเนียมดังกล่าวมากพอที่จะครอบคลุมต้นทุนการจัดส่งของแต่ละคำสั่งซื้อ

  • Amazon คิดค่าธรรมเนียมกับผู้ขายที่ใช้ประโยชน์จากศูนย์กระจายสินค้าของ Amazon ซึ่งทาง Amazon เองมีคลังสินค้าขนาดใหญ่ โดยจะคิดค่าธรรมเนียมถูกๆ ต่อลูกบาศก์ฟุตต่อเดือน โดยคลังสินค้าหรือศูนย์กระจายสินค้าของ Amazon จะตั้งอยู่ในแถบชานเมืองซึ่งที่ดินบริเวณนั้นมีราคาถูกมาก การคิดค่าธรรมเนียมดังกล่าวก็เหมือนค่าเช่าที่นำมาซึ่งรายได้ให้กับ Amazon อย่างงามนั่นเอง

  • Amazon ทำกำไรได้จากสินค้าทุกกล่องที่เข้ามายังศูนย์กระจายสินค้าของตน ซึ่งผู้ขายส่วนใหญ่เลือกใช้บริการของ Amazon เป็นผู้จัดส่งสินค้าให้

  • Amazon จะคิดค่าธรรมเนียมทั้งสองขา สำหรับการจัดส่งในกรณีที่ลูกค้าสั่งซื้อสินค้าที่มีการคิดค่าจัดส่งเพิ่มเติม โดย Amazon จะคิดค่าธรรมเนียมดังกล่าวกับผู้ขายสำหรับการจัดส่งสินค้าผ่านระบบจัดส่งสินค้าของ Amazon แล้วก็คิดค่าจัดส่งดังกล่าวที่เพิ่มเติมกับทางลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้านั้น ๆ

และยิ่งเห็นได้ชัดเมื่อดูยอดขายจากผู้ขายรายย่อยที่เติบโตขึ้นถึง 50% แบบปีต่อปีในช่วงคริสมาสต์

นักลงทุนหลายคนมองว่า Amazon ใช้เงินลงทุนไปหลายพันล้านเหรียญฯ และยังไม่ได้รับรู้ผลกำไร ในอดีตก็มีนักวิเคราะห์หลายรายพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สิ่งที่ Amazon เป็นนั้น จะไปแข่งขันเรื่องการค้นหากับ Google ก็ไม่ได้ จะไปสู้เรื่องผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์กับ Apple ก็เห็นจะไม่ไหว จะไปแข่งขายของถูกสู้กับ Wal-Mart เห็นจะมีแต่ตายกับตายลูกเดียว แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ไผเป็นไผ..!

เดินเกมส์ได้ลึกซึ้งทีเดียวเชียว

สนับสนุนการทำบทความ กดไลค์ กดแชร์ หรือสามารถบริจาคเงินเพื่อเป็นกำลังใจให้กับเราได้ที่
ธนาคารไทยพาณิชย์: สาขามหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ชื่อบัญชี : HEROTHAILAND.COM
บัญชี : ออมทรัพย์ เลขที่บัญชี : 667-265599-4

Similar Articles

Comments

Advertisement

โปรโมชั่น 2 ขวด Protriva Black seeds อาหารเสริมน้ำมันงาดำ จำนวน 2 ขวด

Royal Kludge RK68

Royal Kludge RK68 RGB Hotswap USB HUB คีย์บอร์ดเกมมิ่งคีย์ไทย ไร้สายบลูทูธและมีสาย เปลี่ยนสวิตซ์ได้ เลเซอร์ไทย - English

Most Popular

ฮาร์ดดิสโน๊ตบุ๊ค 1TB SSD M.2

1TB SSD (เอสเอสดี) HIKVISION E3000 M.2 PCI-e Gen 3 x 4 NVMe ประกัน 5 ปี