ยอดขายหนังสือในสหรัฐฯ และยุโรปไม่ขยับไปไหนมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ในขณะที่สำนักพิมพ์ต่างก็พากันคิดหาวิธีการขายและแรงจูงใจในการซื้อใหม่ ๆ เพื่อที่จะเปลี่ยนผู้ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ให้กลายมาเป็นลูกค้า โดยลืมนึกไปถึงตลาดเกิดใหม่ซึ่งก็คือ “กลุ่มประเทศกำลังพัฒนา”
ปัจจุบันมีเด็กจำนวน 250 ล้านคนทั่วโลกที่ขาดโอกาสในการเข้าถึงหนังสือและการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในประเทศอย่าง เฮติ รวันดา และสาธารณรัฐคองโก เป็นเรื่องยากมากที่จะหาโรงเรียนที่มีหนังสือเรียน หรืออาจมีเพียงหนังสือเรียนขาด ๆ เพียงสองสามเล่มต่อนักเรียนหลายร้อยคน น้อยมากที่จะมีโรงเรียนที่มีหนังสืออยู่จนเต็มชั้น โดยเฉพาะประเทศเฮติ มีโรงเรียนน้อยกว่า 15% ที่มีห้องสมุด !
จริง ๆ แล้วโรงเรียนเป็นสถานที่ที่จำเป็นต้องมีหนังสือมากที่สุด หากโรงเรียนไม่มีหนังสือแล้ว เด็ก ๆ จะเติบโตโดยปราศจากความรักในการอ่าน และส่งผลให้ขาดความสามารถในการอ่าน หากมองในภาพรวมแล้วเมื่อไม่มีหนังสือในโรงเรียน ก็ย่อมไม่มีตลาดสำหรับร้านหนังสือ ebook นักเขียน หรือสำนักพิมพ์ด้วยเช่นกัน !!
ต้องขอขอบคุณเทคโนโลยี สำนักพิมพ์ในสหรัฐฯและประเทศที่พัฒนาแล้วมีโอกาสที่ดีกว่าในการเข้าถึงตลาดเกิดใหม่ในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา Ebook บวกกับสมาร์ทโฟนราคาถูก เครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่ครอบคลุมทุกหนทุกแห่ง รวมทั้งการมี DRM ที่ช่วยให้สำนักพิมพ์สามารถผลักดันเนื้อหาของตนเองไปยังมุมห่างไกลของโลก
ข้อมูลดังกล่าวทำให้เราต้องคำนึงถึงเนื้อหาที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นเรื่องจริงที่สำคัญ
กลุ่มผู้อ่านเนื้อหาภาษาอังกฤษมีอยู่ทั่วทุกมุมโลก แต่ลักษณะไหน เรื่องแบบไหนและรูปภาพอะไรที่จะสะท้อนเข้าถึงความต้องการของเด็กนักเรียนที่อาศัยอยู่ในสลัมอันห่างไกล ? เรายังไม่รู้เลย เนื่องจากเด็กเหล่า ๆ นี้ไม่เคยได้ยินชื่อ Harry Potter หรือรายการทีวี วิดิโอเกมส์ และ app ที่แข่งขันกันดึงความสนใจในครอบครัวยุคใหม่ของประเทศที่พัฒนาแล้ว
แล้วถ้าเป็นห้องสมุดดิจิตอล ?
รูปแบบห้องสมุดดิจิตอลอของเรานั้น ยอมให้ข้อมูลไหลผ่านสถานที่ที่มันไม่เคยไปถึงมาก่อน ก่อนหน้าที่จะมีห้องสมุดต้นแบบในเมือง Gressier ของเฮติ นั้น หนังสือส่วนใหญ่ล่าสุดที่พบตามท้องตลาดนั้นตีพิมพ์ในปี 1980 ปัจจุบันเราสามารถปล่อยเนื้อหาล่าสุดของสำนักพิมพ์ได้ทันทีในห้องเรียนที่เต็มไปด้วยฝุ่นในชนบทห่างไกลของเฮติ
สิ่งนี้จะช่วยตอบคำถามของสำนักพิมพ์ว่าเนื้อหาอะไรที่สังคมในประเทศกำลังพัฒนาต้องการสำหรับห้องสมุด รวมทั้งการทำหนังสือเด็กที่ดี่ที่สุดในโลกที่สามารถอ่านได้ฟรี ( อาจรวมหนังสือที่ไม่ฟรีด้วย ) ต่อนักเรียนนับล้านที่อาศัยอยู่ในเขตยากจน เราจะเก็บข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและสิ่งที่นักเรียนค้นหามากที่สุด ทำให้สำนักพิมพ์ได้ตระหนักถึงมูลค่าของตลาดเกิดใหม่ และสามารถปรับปรุงเนื้อหาให้เหมาะสมกับความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่มีอยู่ในแต่ละท้องถิ่นได้
